รีวิวแต่งงานในแบบที่ไม่เหมือนใคร เรียบง่าย อบอุ่น กรุ่นกลิ่นของความรัก ณ วิลลา เดอ บัว (Villa de Bua)

หากพูดถึงงานแต่งงานในฝันของคู่รักหลายคู่ คงมีไม่น้อยที่อยากจัดงานแต่งงานแบบอบอุ่น เป็นกันเองและเป็นส่วนตัวที่บ้านในฝันของตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นบ้านหลังงามสไตล์โคโลเนียลสุดคลาสสิค ใหญ่โตแต่ Cozy พร้อมสวนสวยข้างบ้าน… เช่นเดียวกับเจ้าของรีวิวงานแต่งงาน ณ Villa de Bua ที่ Weddinglist นำมาฝากกันในวันนี้ค่ะ

เจ้าของงานแต่งงานสุดน่ารักแสนอบอุ่นจนใคร ๆ ต้องยิ้มตามในรีวิววันนี้ คือคุณแอมป์(เจ้าสาว) และคุณแมน(เจ้าบ่าว) คู่บ่าวสาวที่จัดงานแต่งงานในฝันของตนให้เป็นจริงได้ที่ Villa de Bua ในระยะเวลาเตรียมงานเพียง 2 เดือนเท่านั้น แม้ในเวลากระชั้นชิด แต่ทั้งคู่ก็ยืนกรานอยากจัดงานแต่งงานให้เป็นไปอย่างที่ปรารถนามากที่สุด ซึ่งก็คือการจัดงานแต่งงานแบบอบอุ่นที่บ้าน รวบรวมสไตล์และตัวตนของทั้งคู่ไว้ในงาน และเป็นช่วงเวลาเฉลิมฉลองที่รายล้อมไปด้วยผู้คนที่รักค่ะ
เนื่องจากคุณแอมป์ผู้เป็นเจ้าสาว ให้เกียรติมาให้สัมภาษณ์กับทาง Weddinglist เองเลย วันนี้เราจึงได้พาเธอมาเล่าเรื่องราวเส้นทางการจัดงานแต่งงานในฝันของเธอที่ Villa de Bua ให้ฟังกันค่ะ

 เพราะ เคยฝันไว้ว่าอยาก “จัดงานแต่งงานที่บ้าน”

เริ่มต้นมาจากการที่คุณแอมป์มีภาพฝันเกี่ยวกับการแต่งงานของตัวเองไว้คล้ายกับในหนังสือเล่มโปรดของเธอ เรื่อง Shopaholic ในภาค Ties the knot ที่นางเอกของเรื่องได้จัดงานแต่งงานที่บ้านของตัวเอง ดูโรแมนติก อบอุ่น ห้อมล้อมไปด้วยผู้คนที่รัก… งานแต่งงานของคุณแอมป์ในส่วนของพิธีการเช้า ทั้งพิธีขันหมาก และพิธีหมั้น จึงจัดขึ้นที่บ้านของตัวเองทั้งหมดแบบเรียบง่าย ท่ามกลางครอบครัวและญาติของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น

ส่วนพิธียกน้ำชา และงานฉลองมงคลสมรส ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ด้วยการจัดขึ้นที่ “บ้าน” เช่นกัน แต่เป็นบ้าน Villa de Bua คฤหาสน์สวยงามคลาสสิค สไตล์โคโลเนียล สถานที่จัดงานแต่งงานแบบ Unique Space โฉมใหม่บนถนนเทพรักษ์ค่ะ

ทำไมถึงเลือกจัดงานแต่งงานที่ Villa de Bua

“เรียกว่าตกหลุมรักตั้งแต่เห็นเลยค่ะ…จองตั้งแต่มาดูครั้งแรกเลย เพราะที่นี่ตรงใจมาก นอกจากโครงบ้านสไตล์โคโลเนียลจะสวยสะดุดตาแล้ว การตกแต่งภายในก็พิเศษไม่เหมือนที่ไหนเลยค่ะ ทำให้แทบจะไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมเลย ตอนที่เราตัดสินใจเลือกที่นี่กันแล้ว ตอนแรกคุณพ่อคุณแม่แอมป์ยังไม่เห็นด้วย แต่พอพาคุณพ่อมาดูสถานที่เอง ได้พบเจอกับคุณแก้วและคุณแม่คุณแก้ว เจ้าของ Villa de Bua ที่เล่าถึงที่มาของ Villa หลังนี้ และความเอาใจใส่ในองค์ประกอบไม่ว่าจะเป็นอาคาร หรือสวน รวมไปจนถึงอัธยาศัยใจคอ ก็สร้างความประทับใจให้กับคุณพ่อจนยอมเปลี่ยนใจ และให้เลือกที่นี่เป็นที่จัดงานในที่สุด

และอีกสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกโชคดีมากที่เลือกจัดงานที่นี่นั่นคือ เราได้คุณแก้ว เจ้าของ Villa de Bua มาช่วยทำการตกแต่งสถานที่ให้กับงานของเราเป็นงานแรก ทำให้งานของเราออกมาเรียบหรูลงตัวมากเลยค่ะ”

เนรมิตงานแต่งในฝันด้วยพลังใจจากคนกันเอง

เนื่องจากระยะเวลาการเตรียมงานแต่งงานของคุณแอมป์และคุณแมนค่อนข้างกระชั้นชิดภายใน 2 เดือนเท่านั้น เรื่องการเนรมิตงานแต่งงานให้เป็นไปได้ดั่งใจฝันอาจดูไกลเกินเอื้อม แต่คุณแอมป์และคุณแมนก็สามารถทำให้ช่วงเวลาในฝันของทั้งคู่เป็นจริงได้ ด้วยการร่วมมือร่วมใจจากครอบครัวและเพื่อนฝูง รวมทั้งคุณแก้ว Villa de Bua และทีมงาน ช่วยกันเนรมิตงานแต่งงานครั้งนี้ให้ออกมาสมบูรณ์ ไม่ว่าจะทั้งเรื่องสถานที่ การจัดตกแต่ง ประสานฝ่ายจัดเลี้ยง และการควบคุมดูแลหน้างานทั้งหมด โดยไม่ต้องใช้ Wedding Planner หรือ Wedding Organizer เลยล่ะค่ะ

จัดงานแต่งงานตามสไตล์และตัวตนของคู่บ่าวสาว สบายใจ เป็นตัวเองได้เหมือนอยู่บ้าน

งานแต่งงานครั้งนี้ คุณแอมป์และคุณแมนตั้งใจรวมเอาสไตล์และตัวตนของทั้งคู่มาไว้ในงาน ให้ความรู้สึกสบาย ๆ เหมือนสามารถเป็นตัวเองได้เวลาอยู่ในบ้าน ท่ามกลางครอบครัว ผู้คนที่รัก และคนกันเอง ธีมของงานจึงเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ “Come as you are” ให้ผู้มาร่วมงานได้รู้สึกสบาย ๆ เช่นกัน
แต่ในส่วนของกระบวนการจัดงาน คู่บ่าวสาวก็ใส่ใจรายละเอียดกันแบบสุด ๆ ตั้งแต่การตกแต่งสถานที่ การ์ดเชิญ อาหาร เครื่องดื่ม ไปจนถึงของชำร่วย ซึ่งมีความเป็นตัวตนของทั้งสองอยู่ในนั้นทั้งหมดค่ะ

“ความเป็นตัวเองของเราทั้ง 2 ก็คงเห็นได้ตั้งแต่หน้างาน…ตั้งแต่ของชำร่วยที่เลือกใช้ คือ Sleeping mask ลายการ์ตูน จาก Ohayotoys เพราะแมนเป็นคนชอบนอน ชอบอ่านการ์ตูนมาก และผ้าปิดตานี้ก็สามารถใช้งานได้จริง นอกจากนี้ เราก็อยากหาอะไรสนุกๆ ให้เพื่อนๆ ได้ใช้ถ่ายรูปกันอีกด้วย
และด้วยความที่แอมป์เป็น Coffee Lover จึงตั้งใจให้ในงานมีมุมกาแฟสดจากร้านที่ตัวเองชอบมาอยู่ในงาน และเป็นความโชคดีอย่างมากที่ร้านในดวงใจ “Bottomless Espresso Bar” สามารถมาออกงานให้ได้ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งความพิเศษที่แขกทุกคนกล่าวถึง ซึ่งนอกจากคุณหมู(เจ้าของร้าน)จะมาพร้อมด้วยกาแฟคั่วรสเลิศ หอมกรุ่นแล้ว ยังมีช็อคโกแลต และชาเขียว ที่อร่อยไม่แพ้กันอีกด้วยค่ะ”

ก่อนงานเริ่ม ทาง Villa de Bua ก็มี “ห้องแต่งตัว” ไว้รับรองสำหรับให้คู่บ่าวสาวแต่งตัว แต่งหน้าทำผม และเป็นที่พักผ่อนรับรองสำหรับคุณพ่อคุณแม่ ให้คู่บ่าวสาวได้เตรียมใจสบาย ๆ ก่อนพิธีเริ่มค่ะ

ก่อนงานเลี้ยงฉลองสมรสในช่วงเย็น คุณแอมป์และคุณแมนใช้ห้อง Boutique Hall สำหรับพิธียกน้ำชาให้กับญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายค่ะ

บรรยากาศงานแต่งสมบูรณ์แบบครบรส ทั้งหวานซึ้ง โรแมนติก และเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

งานแต่งงานของคุณแอมป์และคุณแมนจัดขึ้นภายในตัวบ้าน Villa de Bua ทั้งหมดด้วยจำนวนแขกประมาณ 300 ท่าน แม้ในตอนแรกคุณแอมป์แอบคิดว่าอยากจัดงานแบบ Outdoor ที่สวนสไตล์ฝรั่งเศสด้านข้างตัวบ้านแต่ก็ติดที่ฤดูฝน แต่ถึงอย่างไรภายในบ้านก็มีพื้นที่กว้างขวางเอาอยู่ทั้งงาน นอกจากความเป็นส่วนตัวแล้ว แขกเหรื่อยังสามารถเดินไปมา หามุมนั่งพักกันได้คล่องตัวเหมือนคู่บ่าวสาวได้จัดงานแต่งงานที่บ้านของตัวเองจริง ๆ ค่ะ

การจัดตกแต่งงานในวันนี้ คุณแอมป์ไม่ได้ใช้การจัดดอกไม้แบบฟู่ฟ่า หรือตกแต่งอะไรมากเป็นพิเศษ เนื่องด้วยดีไซน์การตกแต่งภายในบ้านลงตัวและเติมเต็มทุกอย่างหมดแล้ว จึงมีแค่ส่วน Backdrop ที่จัดทำด้วยม่านขาว ประดับด้วยดอกไม้สดโทนสีขาวและแดงอย่างเรียบง่ายเท่านั้น โดยไม่มีซุ้ม Gallery ซึ่งคุณแอมป์เลือกใช้ภาพวาดสีน้ำแทนรูปถ่ายพรีเวดดิ้งมาตกแต่งแทนค่ะ

ส่วนการจัดเลี้ยง คุณแอมป์เลือกจัดแบบ Heavy Cocktail เน้นให้แขกได้รับประทานอาหารร่วมกันแบบอิ่ม อร่อย มีคุณภาพ และเพื่อให้งานดูไม่เป็นทางการเกินไป แขกเหรื่อสามารถเดินพูดคุยกันได้ทั่วถึง แต่ก็มีส่วนที่จัดโต๊ะกลมไว้รับรองสำหรับแขกผู้ใหญ่ให้ได้นั่งกันยาว ๆ สบาย ๆ ค่ะ

“ส่วนของพิธีในงานเราก็จะค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่นค่ะ เราไม่มีPrewedding ไม่การจุดเทียน ไม่ตัดเค้ก (ไม่มี Champiange tower) และเราแกล้งเจ้าบ่าวค่ะ…

หลังจากต้อนรับแขกแล้วก็เข้าสู่งานพิธี เนื่องจากแมนเป็นคนขี้อายมาก และไม่ค่อยแสดงความในใจให้แอมป์รู้มากนัก ในช่วงนี้แอมป์จึงขอให้เพื่อน ๆ ช่วยกันจัดให้มีเกมส์เล็ก ๆ ที่เจ้าบ่าวต้องผ่านด่านเพื่อน ๆ เพื่อมารับตัวเจ้าสาวเดินเข้างาน

อันนี้ต้องบอกว่าแอมป์เองก็ประหลาดใจมากทีเดียว เพราะคนขี้อายคนนั้นยอมทำทุกอย่าง ทั้งตะโกนบอกรัก ทั้งร้อง ทั้งเต้น…สำหรับแอมป์แล้ว เพลง หยุด ที่ร้องเพี้ยนหนักมาก กลับฟังแล้วไพเราะเป็นที่สุด ส่วนท่าเต้น Fortune cookie ที่เต้นวนซ้ำเด๋อด๋า กลับดูแล้วน่ารักสนุกสนานเป็นอย่างมาก และเมื่อแมนมาถึงหน้าแอมป์ ก็คุกเข่าลง ยื่นดอกไม้ให้ สิ่งเหล่านี้สร้างความประทับใจให้กับแขกที่มาร่วมงานทุกคน และก็จะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไปค่ะ”

“ในส่วนของแอมป์ก็ได้เตรียมเซอร์ไพรส์แมนไว้ โดยแอบไปซักซ้อมกับพี่ชายที่รักที่มาช่วยเล่นกีตาร์แบบสดให้ ด้วยเพลง คู่ชีวิต ที่ร้องให้กับแมนก่อนเดินเข้างาน ต้องบอกว่าเป็นอีกโมเมนท์ที่น่ารักมาก ๆ เพราะเจ้าสาวเกิดอาการตื่นเต้น เนื้อที่จำมามลายหายไปสมอง ทำเอาเกือบล่ม แต่ด้วยกำลังใจจากเจ้าบ่าว ที่ยืนกุมมือไว้ และแขกที่ช่วยกันร้องคลอไปเป็นช่วงเวลาที่พิเศษจริง ๆ ค่ะ”

“หลังจากนั้น เราก็เดินผ่านแถวของเพื่อนๆ ที่ยืนพร้อมเทียนแก้วเพื่อไปยังเวที เมื่อได้รับคำอวยพรจากประธานในพิธีเรียบร้อยแล้ว เราก็เข้าสู่การพูดคุยกันสบายๆ ตามสไตล์ของแอมป์แมน โดยเราได้พี่สาวของเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวมาเป็นพิธีกรให้ ซึ่งบรรยากาศก็เป็นกันเอง ทั้งซึ้งและสนุกสนาน ด้วยเช่นกัน ส่วนช่วงไฮไลท์ของงาน เราสองคนเลือกที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยการกราบพ่อแม่ของทั้ง 2 ฝ่าย แทนการจุดเทียน และตัดเค้กค่ะ”

ประทับใจการจัดงานแต่งงานที่ Villa de Bua อย่างไรบ้าง ?

“จริงๆ แล้วก็ประทับใจในทุกอย่างนะคะ แต่ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย คือ คุณแก้วและครอบครัวผู้ดูแล Villa de Bua ค่ะ ขอบคุณที่เข้าใจในความเป็นตัวเราของแอมป์และแมน ช่วยรับฟัง ให้แนวทาง และช่วยเหลือในทุก ๆ สิ่ง นอกจากนี้ยังช่วยตกแต่งสถานที่ จนทำให้งานออกมาสวยงามได้ขนาดนี้ ถือว่าเป็นโชคดีจริง ๆ ที่ได้เลือกที่นี่ ทำให้เราได้แต่งงานในสถานที่แบบที่วาดฝัน และมันออกมาดีมากกว่าที่เราสองคนจินตนาการไว้ค่ะ”

ฝากถึงว่าที่บ่าวสาวคู่ต่อไป

“อยากเป็นกำลังใจให้คู่บ่าวสาวท่านอื่น ๆ ได้มีงานอย่างที่ตัวเองวาดฝันไว้ค่ะ แม้ในการจัดงานจะมีปัจจัยปัญหาหลายอย่างเข้ามา ทำให้เราต้องปรับงานไปตามความเหมาะสม แต่ก็อยากให้ตั้งภาพที่ชัดเจนไว้ และพยายามปรับให้ถึงจุดที่เราวาดฝันไว้
และอยากบอกว่าไม่มีอะไรที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบสำหรับงานแต่งงาน เพื่อน ๆ ที่แต่งงานไปแล้วทุกคนก็เคยบอกแอมป์ไว้แบบนั้น และแอมป์เองก็อยากส่งต่อคำนี้เช่นกัน แต่สิ่งสำคัญก็คือ ในความไม่สมบูรณ์แบบ มันคือความรู้สึกดี ๆ ตลอดช่วงเวลาในการเตรียมงาน ไปจนถึงช่วงเวลาที่พิเศษของงาน ที่จะคงอยู่เป็นความทรงจำของคน 2 คน ตลอดไป จึงขอเพียงให้มีความสุข(แม้จะเหนื่อย) กับทุก ๆ ช่วงเวลา และกับทุก ๆ คน เท่านั้นก็พอแล้วค่ะ”