“งานแต่งในสไตล์ Art gallery ให้ความรู้สึกอบอุ่นตลอดงาน” พบกับบทสัมภาษณ์ของ “คุณตึก” เจ้าบ่าวสายติส อาร์ทติสผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบและตกแต่งตึกกลาสเฮ้าส์ ที่ วิลลา เดอ บัวและจัดงานแต่งงานที่นี่ด้วย

“คู่ของเราคบกันมา 17 ปีแล้ว รู้จักกันมาค่อนชีวิต ไม่ต้องการอะไรที่ปรุงแต่งอะไรนัก“ เริ่มบทสัมภาษณ์เจ้าบ่าวสายติสของเราวันนี้

อีกหนึ่งงานแต่งงานที่เราสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง จึงพลาดไม่ได้ที่จะเชิญตัว คุณตึก เจ้าบ่าวมาเล่าเกี่ยวกับไอเดียการจัดงานที่ วิลลา เดอ บัว กันค่ะ นอกจากจัดงานที่นี่แล้ว คุณตึก ยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบกลาสเฮ้าส์โซนใหม่ที่ วิลลา เดอ บัว แห่งนี้ด้วย เรามาเจาะลึกไอเดียและคอนเซ็ปต์งานแต่งงานในสไตล์นักออกแบบไปด้วยกันค่ะ

  • คอนเซ็ปต์ไอเดียเริ่มต้นเป็นอย่างไรบ้างคะ

เริ่มจากผมไปงานคนอื่น แล้วสังเกตว่าเราไม่ได้มีเวลาพูดคุยกับแขกสักเท่าไหร่นัก ไปถ่ายรูปเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จบงานแล้ว การถ่ายรูปที่ Backdrop มันดูเป็นทางการไปสำหรับผม อยากจัดงานที่ให้ความรู้สึกความอบอุ่น ได้ใกล้ชิด ได้คุยกับแขกที่มาร่วมงานมากกว่า สวยทุกมุม ถ่ายได้ทุกมุม

ด้วยความต้องการที่อยากให้งานเป็นงานที่อบอุ่น ไม่ต้องตกแต่งเยอะ รูปทรงทางสถาปัตย์และองค์ประกอบของอาคารที่ผมมีส่วนร่วมมันมีความสวยอยู่แล้ว ผมมองว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้าน ไม่อยากเติมแต่งอะไรจนมันเกินพอดี อยากได้อารมณ์เหมือนการชวนเพื่อนมากินข้าวที่บ้าน ช่วงเช้าจะมีการสวมแหวนและกินเลี้ยงแค่นั้น อยากให้เหมือนเป็นงานที่ชวนแขกและเพื่อนสนิทมาพูดคุย อัพเดตกันมากกว่า ไม่ต้องการอะไรที่มันเป็นทางการมาก แถมมีน้องที่น่ารักมาเป็นบาริสต้ามาทำกาแฟเสิร์ฟช่วงเช้าสำหรับแขกด้วย

หลังจากพิธีเสร็จก็ให้อารมณ์เหมือนเปิดบ้านทานข้าวกัน จัดเป็นแบบ Long table ในโทนสี Earth tone ขาว เทา น้ำตาล ดำ มาคุมโทนงาน การจัดตกแต่งโต๊ะอยากให้มีความเป็นสีธรรมชาติ ส่วนทางแฟนก็ไม่ชอบดอกไม้หวานๆอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องการเลยตรงกัน ผมใช้มุมมองที่ถนัดมาจัดวาง ลองเพิ่มเติมในแต่ละดีเทล ไม่ต้องเป๊ะ ปล่อยไปตามธรรมชาติ อย่างผ้าปูโต๊ะก็เลือกเป็นแบบผ้าดิบ ปูผ้าไม่ต้องตึง มีความยับบ้าง texture ต่างๆนั่นคือเสน่ห์ของมันเลย มีเพื่อนสนิทและน้องๆมาคอยช่วยเหลือ ทีมของทางวิลลา เดอ บัว ก็เช่นกัน ส่วนอาหารก็ได้ IDO Catering มาช่วยดูแลเรื่องอาหาร ทั้ง Set menu และไลน์อาหารที่เลือกมาเพื่อให้เข้ากับ Theme งาน

  • ไอเดียของ Art Gallery มีรายละเอียดยังไงบ้าคะ

ตัวผมและเจ้าสาวทำงานในสายศิลปะ มีช่วงที่ไปเรียนไปเที่ยวในต่างประเทศ และก็มีโอกาสไปเดินพิพิธภัณฑ์และ Art Gallery ด้วยกันอยู่หลายครั้ง เลยได้ไอเดียว่าอยากให้งานของเราออกมาเหมือน เปิด Art Gallery ย่อมๆ ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านรูปต่างๆ ที่แขวนไว้รอบๆงาน เป็นเรื่องราวตลอด 17 ปี ที่มีหลายๆคนอยู่ในนั้นด้วย

โดยงานช่วยเย็นจะให้อารมณ์กึ่ง Art Gallery มีเปิดฉายจอ Projector รันวีดีโองานเช้าที่เป็น Long take ยาวๆ ไม่ต้องตัดต่ออะไร อยากให้มันเป็นธรรมชาติไปเลย ไม่ต้องปรุงแต่งอะไร ให้อารมณ์ถ่ายกล้อง Handy cam ยุค 90 ไม่จำเป็นต้องมีแค่รูปคู่ Footage ที่ได้เลยจะเป็นบรรยากาศของงานแบบโฮมวีดีโอ แพลนกล้องไปหาเพื่อนบ้างแขกเราบ้าง มันดูอบอุ่นดี มีความสุขมากกว่า แอบถ่ายคนนั้นคนนี้ มันคือชีวิตจริงๆที่ไม่ใช่มีแค่เรา 2 คน

งานเราไม่เอา Presentation เลย เรื่องราวความรักคู่เราส่วนใหญ่ทั้งเพื่อนผมและเจ้าสาวก็รู้กันหมดแล้ว แต่ก็จะมีกิมมิคที่ทำเป็นหนังสือพิมพ์ใส่เรื่องราวความรักเท่ๆไว้นะ เผื่อใครยังไม่รู้ก็ไปหยิบอ่านในงานได้  ด้วยความที่ที่บ้านเป็นศิษย์เก่าเพาะช่าง พ่อแม่ของเจ้าสาวเป็นนักเขียน เลยหยิบเอาอารมณ์และรายละเอียดมาถ่ายทอดความเป็นคู่เราเอาไว้ในสิ่งพิมพ์น่ารักๆ

ส่วนหนังสือพิมพ์ใครมาช่วงไหนก็หยิบอ่านได้ตลอด ไม่เหมือน Presentation ถ้ามาไม่ทันก็พลาดไป มีแฮงรูป แขวนไว้รอบๆงาน มีเพลง Jazz ที่ชอบฟังเปิดคลอไปด้วย จัดแต่ละมุมให้เหมือนเป็นแนว Gallery แล้วมาพบปะพูดคุยกันมากกว่า แล้วก็จะมีตรงส่วนจุดลงทะเบียนที่ไว้ให้ขีดเขียนเต็มที่ ด้วยความที่เราเป็นสายศิลปะเขียนรูป ดังนั้นเพื่อนๆเราก็เรียนศิลปะกันหมด เลยเอาอุปกรณ์วาดเขียนส่วนตัวที่ทำงานมาวาง เอาโรลกระดาษมากาง ใครอยากจะเขียนอะไรก็เขียนลงไปเลยตามใจชอบ

  • แล้วช่วงเย็นจัดเป็นงาน Outdoor ด้วยใช่ไหมคะ

ใช่ครับ ผมไม่อยากให้มารวมอยู่แค่โซนเดียว อยากทำอะไรก็ทำได้หมด อิสระไปเลย เดินคุยกันได้ทั่วงาน เพื่อนผมมีเปิดไพ่ยิปซีดูกันด้วยนะ ก็เปิดกางตั้งวงดูกันเลย ส่วนใครอยากดื่มก็มีพื้นที่ไว้ให้ อยากให้สบายๆเหมือนอยู่บ้านความรู้สึกมันน่ารัก ตอนนี้คือ 17 ปีมันแชร์กันหมดละ เพื่อนรู้จักกันหมด ไม่ต้องมีโต๊ะจีนจัดเลี้ยงอะไร ช่วงเย็นเลยจะเน้นเหมือนเป็นงานรวมกลุ่มเพื่อนมากกว่า มาพูดคุยมาเฮฮากัน บรรยากาศง่ายๆ คุมโทนอุ่นๆฝรั่งนิดๆ เสริมด้วย Decoration แต่ต้องไม่เยอะ

วันนั้นมีฝนตกอยู่บ้าง เลยมีขยับมาใน indoor อยู่บางช่วง ซึ่งไฮไลท์ของกลาสเฮ้าส์ที่นี่จะให้มิติ แสงและเงาที่พาดผ่านแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วง สีของหลังคาก็จะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา พอเป็นงานกลางวันและกลางคืนก็จะได้ฟีลคนละแบบ นี่คือเสน่ห์ของที่นี่เลย

  • สุดท้ายแล้วรู้สึกยังไงบ้างคะ กับการจัดงานที่ วิลลา เดอ บัว

เอาจริงๆความรู้สึกไม่ค่อยเกิดกับตัวผมเท่าไหร่ ด้วยนิสัยผมพอมีโปรเจคก็จะโฟกัสกับมัน คิดๆทุกอย่างในหัวแต่พอจบงานก็รู้สึกอิ่มกับความสวยไปแล้ว จากนั้นคือจบ ธรรมดา แต่ความรู้สึกอิ่มใจมากกว่า ที่ทุกคนมาเห็นสถานที่แล้วรักมัน รักเพราะลูกเขยผมทำ อันนี้หลานฉันออกแบบ มันมีความน่ารักตรงนี้ มันมีความภูมิใจที่ทำให้ผมได้รู้สึกกับมันมากขึ้น

มีความสนุกด้วยความเป็นงานของเราเอง ทุกคนแฮปปี้ในทุกดีเทล งานค่อนข้างออกมาอบอุ่น งานผ่านไปแล้วทุกคนก็ยังพูดถึงงาน มีบอกต่องานนี้มันเก๋ สนุกดี ซึ่งผมก็ขอบคุณ ไม่ต้องมี Backdrop แต่ถ่ายได้ทุกที่ แม้แต่ตากล้องหลักในงานก็ไม่มี เน้นถ่ายกันเอง ได้มุมมองภาพที่หลากหลาย ผมว่ามันน่ารัก

 

Photographer: PIXKLA, VILLA DE BUA

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Fill out this field
Fill out this field
Please enter a valid email address.